-->

    เดอะ เลเจนด์ ออฟ ฟู่เถียน ตอนที่ 3 : สามขั้นในวันเดียว "กระดูกเหล็กคงกระพัน"

    เดอะ เลเจนด์ ออฟ ฟู่เถียน ตอนที่ 3 : สามขั้นในวันเดียว "กระดูกเหล็กคงกระพัน"

    สำนักฉินโจว.มีภูเขา เทียนเหยา เป็นพื้นหลังซึ่งกินพื้นที่ไม่น้อยแม้กระทั่งศิษย์นอกสำนักก็สามารถพักอาศัยอยู่ภายในเขตของสำนักได้.

    เย่ฟู่เทียน กลับมายังที่พักของศิษย์นอกสำนักกับหยู๋เซิง ที่ตามหลังเขามาอย่างเงียบๆ เย่ฟู่เทียนเดินเข้าไปในบ้านพักของเขา.

    “หยู๋เซิง, ข้า อยากยอมแพ้” เขาหยุดและกล่าวอย่างช้าๆ

    “ถึงแม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ จะยังไม่ตื่นขึ้น แต่เจ้าก็ยังคงมีพร สวรรค์ที่น่าทึ่ง”  หยู๋เซิงมองไปที่ชายหนุ่มข้างหน้าเขา เมื่อ เย่ฟู่เทียนอ้างว่าเขาเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็หัวเราะเยาะเขา แต่หยู๋เซิงเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่ามันไม่ตลก.

    เย่ฟู่เทียน คือจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

    “ข้ารู้แล้ว แต่มันหนักเกินไป”  เย่ฟู่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น “มันเป็นเวลาสามปีแล้ว ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นข้าจะต้องทิ้งเจ้าไว้ข้างหลัง ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรับภาระที่หนักขึ้น”

    “ไปเถอะ, ไปฝึกฝนกัน”  เย่ฟู่เทียนหันไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเขา หยู๋เซิงสูงและตัวใหญ่กว่าเขา ทำให้เขามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอยู่รอบตัว.

    ทั้งสองเดินเข้าไปในพื้นที่ฝึกฝนที่อยู่ในที่พักอาศัย  เย่ฟู่เทียนหลับตานั่งสมาธิอากาศรอบตัวเขามีพลังชี่ไหลเวียนกำลังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าไปหาเย่ฟู่เทียน หยู๋เซิงเฝ้าดูสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีคำบรรยาย ในขณะนั้น เย่ฟู่เทียนดูเหมือนกับกระแสน้ำวนที่น่ากลัวและกลืนกินพลังชี่เข้าไปจนหมด ถ้ามีใครเห็นฉากนี้พวกเขาคงจะพูดไม่ออกนอกจากความกลัว.

    การไหลเวียนของพลังชี่ที่น่ากลัวไหลผ่านร่างกายไปยังแก่นชีวิตของเย่ฟู่เทียน การมีจิตวิญญานในแก่นแท้ของชีวิตนั้นเป็นลักษณะของ จอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง.

    ปัจจุบันแก่นชีวิตของเย่ฟู่เทียนมีต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ที่มีใบสีเขียวหยก. ถึงอย่างนั้นพื้นที่ข้างๆ ต้นไม้ก็ยังคงเป็นพื้นที่ รก ร้าง แห้ง แล้ง. เมื่อมีพลังชี่เข้าไปในร่างกาย ต้นไม้โบราณก็ดูดซับปราณจิตวิญญาณทั้งหมดอย่าง ตะกระ ตะกลาม กิ่งก้านสีเขียว มรกต ทําให้เกิดเสียงดัง กรุ๊ง กริ๊ง.

    ภายใต้ต้นไม้โบราณ มีร่างที่ลวงตาปรากฏขึ้น มันคือจิตสำนึกของเย่ฟู่เทียน เขามองไปที่ต้นไม้โบราณและกระซิบว่า “ข้าดูดซับปราณชี่มาสามปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้วิธีใช้ ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปข้าจะไม่ถ่ายโอนปราณชี่ไปให้เจ้าอีกแล้ว”

    เขาได้กล่าวทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูด. จากนั้นจิตสำนึกของเขาก็ได้หายไป. พลังชี่ที่ไหลผ่านร่างของเย่ฟู่เทียนไม่ได้มุ่งไปยังแก่นชีวิตที่มีต้นไม้โบราณอีกต่อไป. แต่พุ่งไปยังแขนขาและกระดูกของเขาแทน.

    พลังชี่ก็คือปราณวิญญาณฟ้าดินอันแข็งแกร่งได้พุ่งผ่านร่างกายเพื่อเตรียมการหลอมร่างกาย. ทว่าในตอนนี้ เองที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พลังดึงดูดอันมหาศาลสายหนึ่งก็แผ่กระจายออกมา วินาทีนั้นพลังปราณก็ได้ไหลย้อนกลับมุ่งหน้าสู่แก่นชีวิตไปยังต้นไม้โบราณ. มันดูดซับปราณจิตวิญญาณทั้งหมดอย่าง ตะกระ ตะกลาม อีกครั้ง.

    การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทําให้ร่างกายของเย่ฟู่เทียนสั่นสะ ท้าน เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขาสะสมปราณวิญญาณฟ้าดินทั้งหมด และส่งเข้าไปในแก่นชีวิต แต่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้มันก็จะยึดพลังชี่ ของเขาไปอีก?

    เมื่อคิดว่าเย่ฟู่เทียนต้องการที่จะต่อสู้ มันก็ไม่ได้สนใจอะไร และดูดพลังปราณทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ปราณบริสุทธิ์ในร่างกายของเย่ฟู่เทียนก็ถูกดูดออกไป ในเวลาอันสั้น ใบหน้าของเขาซีดลง.

    ไอ้ต้นไม้บ้า! เย่ฟู่เทียนสาปแช่งพร้อมกับความวุ่นวายของพลังชี่ในแก่นชีวิต เขารู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในหัว ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงเกิดขึ้นในแก่นชีวิต เขาพยายามดึงสติของเขากลับแต่มันก็ถูกขัดขวางโดยพลังที่บ้าคลั่ง.

    อ้าา … !  เสียงออกมาจากริมฝีปากของเขา  หยู๋เซิงลุกขึ้นอย่างฉับพลันและร่วมเป็นพยานกับการเปลี่ยนแปลงร่างกายของเย่ฟู่เทียน ไม่ใช่แค่ร่างกายของเขาที่เปลี่ยนไปเท่านั้นแต่พลังชี่ที่อยู่รอบๆตัวเขากำลังพุ่งเข้าไปหาเขา ยิ่งไปกว่านั้น ดอกไม้ หญ้าและต้นไม้รอบๆก็เริ่มเหี่ยวลงอย่างน่าตกใจ ดวงตาของ หยู๋เซิงเปิดกว้างเมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  เขาก้าวเข้าไปใกล้เย่ฟู่เทียนและนั่งลงข้างหลังเขา เมื่อเขาวางมือทั้งสองลงบนร่างของ เย่ฟู่เทียนเขารู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาล ทันใดนั้นมันก็ดูดพลังชี่ในตัวของหยู๋เซิงออกไปเหมือนกับที่เขาคิดไว้.

    ในที่สุดมันก็ตื่นขึ้น?

    เมื่อเย่ฟู่เทียนตื่นขึ้นเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนแอมากแสงแดดส่องมาที่ตาของเขาเมื่อเขาลืมตาขึ้น  หนึ่งคืนผ่านไป.

    “เกิดอะไรขึ้น?”  เย่ฟู่เทียน ลุกขึ้นนั่งและเห็นต้นไม้รอบๆตัวเขาเหี่ยวแห้งและคนที่นั่งอยู่ข้างเขาคือหยู๋เซิงที่อ่อนล้า.

    เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน. เย่ฟู่เทียนหลับตาและเข้าไปยังแก่นชีวิตของเขา. หลังจากนั้นร่างกายก็สั่นสะ ท้าน อย่างรุนแรง ตอนนี้ในแก่นชีวิตที่ รก ร้าง ว่างเปล่า ของเขาก่อนหน้านี้. กลับมีดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงลงบนพื้นดินอันกว้างใหญ่ตลอดจนภูเขาและลำธาร.  ต้นไม้โบราณของแก่นชีวิตตั้งอยู่สูง และดูเขียวชอุ่มกว่าที่เคย  มันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของพลังชี่.

    ภายใต้ต้นไม้โบราณมีเงาของเย่ฟู่เทียนปรากฏขึ้น หรือว่าพ่อของเขาไม่ได้โกหกเขา?

    พ่อของเขาได้เคยบอกว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ และต้นไม้แห่งชีวิตที่สามารถดูดซับจิตวิญญาณสวรรค์และโลกได้.  อย่างไรก็ตามเมื่อตระกูลล่มสลาย เย่ฟู่เทียนเป็นคนเดียวที่สืบทอดความสามารถโดยกำเนิดของบรรพบุรุษของพวกเขา.

    มันอาจเป็นไปได้ว่าการทำสมาธิอย่างอิสระนั้นเป็นจริง?  เย่ฟู่เทียนนึกถึงคาถาที่เขาเคยท่องขณะที่ทำสมาธิอย่างอิสระตั้งแต่ยังเป็นเด็ก. เขารู้สึกตื่นเต้นและหลับตาลงขณะที่ท่องคาถาออกมาจากปาก เขารีบรวบรวมจิตของเขาทั้งหมด ราวกับว่าเขากำลังอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก.

    พลังชี่ที่หนาแน่นปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา.  ภายใต้ความหนาแน่นนั้นสามารถเห็นพลังชี่ที่ต่างสีกัน. มันคือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดของธาตุแต่ละชนิด ซึ่งแต่ละสีแสดงถึงองค์ประกอบของธาตุต่างๆ.

    เปลว ไฟ. เย่ฟู่เทียนรู้สึกสนใจกับแสงสว่างสีแดง. มันคือธาตุไฟของพลังชี่ จิตวิญญาณของโลกต้นไม้ได้มีสีแดงสว่างไสว ทันใดนั้นด้านนอกของแก่นชีวิต. พลังชี่ธาตุไฟได้ไหลเข้าสู่ร่างของเย่ฟู่เทียน มันเข้าไปในอวัยวะทุกส่วนทำให้เขารู้สึกแสบร้อน.

    ธาตุไม้.  เย่ฟู่เทียนให้ความสำคัญกับพลังชี่สีเขียวโดยการทำสมาธิ อย่าง อิสระ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังชี่ธาตุไม้ทันทีและมันเติมเต็มพลังให้กับเขา.

     ดิน, น้ำ ,ลม,โลหะ. เย่ฟู่เทียนเล่นกับพวกมันสักครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็หยุดและลืมตาขึ้นจ้องมองไปที่พื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าเขา.

    “นี่ … จริงเหรอ?” เย่ฟู่เทียนมองไปที่มือของเขาด้วยความไม่เชื่อ.

    “แน่นอนมันเป็นความจริง! เจ้ามีคุณสมบัติทั้งหมดของจอมเวทย์.  ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังเขา เย่ฟู่เทียนได้กำหมัดของเขาด้วยความตื่นเต้นสามารถเห็นเส้นเลือดที่แขนของเขาได้อย่างชัดเจน.  เขาจ้องไปที่เย่ฟู่เทียน”อีกอย่างเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งสามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้และทักษะเวทย์เข้าด้วยกันได้”

    “ถ้าเป็นอย่างงี้พรสวรรค์ของข้าก็ … ”  ดวงตาของเย่ฟู่เทียนเปล่งประกาย

    “มันคือความประสงค์ของสวรรค์” หยู๋เซิงกล่าว  “ไม่มีใครที่เหมือนกับเจ้าในเมืองฉิงโจว.

    ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม.  หลายต่อหลายคนในตระกูลของเขาไม่สามารถสืบทอดพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของบรรพบุรุษของพวกเขาได้ยกเว้นเขา.  นี่คือ เจตจำนงแห่งสวรรค์?  จอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องปฏิบัติตาม เจตจำนงแห่งสวรรค์?

    “ไปกันเถอะ” เย่ฟู่เทียนลุกขึ้นอย่างกระทันหันมุ่งหน้าออกนอกบ้าน

    “ที่ไหน?”  หยู๋เซิงถาม

    “ที่ด้านหลังของภูเขา” เย่ฟู่เทียนกล่าว ภูเขาที่เขาหมายถึงนั้นคือภูเขา เทียนเหยาที่อยู่ด้านหลังของสำนักฉิงโจว.

    “มีปีศาจมากมายอยู่หลังภูเขา ทำไมเจ้าถึงอยากไปที่นั่น?” หยู๋เซิงถาม

    “เราจะไปใกล้ๆชายแดน นอกจากนี้เจ้าจะกลัวอะไรเมื่อข้าอยู่ข้างๆเจ้า? ”  เขาออกประตูไปก่อนเขาจะพูดจบ  หยู๋เซิงไม่ได้พูดอะไรมากและตามเขาไป.

    ภูเขาเทียนเหยาเป็นภูเขาที่กว้างใหญ่ ภูมิประเทศสูงชันและมีปีศาจอยู่ที่นั่น ไม่กี่คนที่รู้ว่าภูเขานั้นสูงเท่าไร  มีคนพูดกันว่าสาเหตุของการสร้างสำนักฉินโจวที่ด้าน หน้าของภูเขาคือการป้องกันไม่ให้ปีศาจออกมาและทำอันตรายแก่ประชาชน ขณะเดียวกันมันยังเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนสาวกของสำนักอีกด้วย.

    ในตอนเที่ยง เด็กทั้งสองปีนขึ้นไปบนภูเขาเทียนเหยาและยืนอยู่บนก้อนหินบนยอดผาที่ชายแดนของภูเขา มองลงไปที่บริเวณโรงเรียนที่กว้างใหญ่, เย่ฟู่เทียนถอนหายใจ.

    มันเป็นเวลาสามปีแล้ว ที่รู้ว่าตัวตนของเขานั้นคือจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เขาจะพอใจในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้เพียงอย่างเดียวได้อย่างไร?  ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในแก่นชีวิตของเขามาสามปีแล้ว. มันสร้างความผิดหวังภายใต้ความภูมิใจของเขา. ในที่สุดมันก็มาถึงจุดที่เขาต้องรักษาความฝันที่จะกลายเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งให้ได้.

    แสงดวงอาทิตย์ที่สาดส่องไปที่เย่ฟู่เทียนขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า. เขาหยีตาและรู้สึกถึงความมั่นใจ. จุดสำคัญของการทำสมาธิอย่างอิสระคือ การเข้าใจถึงหลักการ "เหตุและผล"  และตอนนี้เขากำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับดวงอาทิตย์.

    เมื่อเย่ฟู่เทียนกำลังทำความเข้าใจดวงอาทิตย์ที่กำลังเผาไหม้อยู่ขณะที่เขายืนอยู่บนก้อนหิน. รังสีจากดวงอาทิตย์กลายเป็นเปลวไฟรอบตัวเขา. จากนั้นมันก็ซึมซับเข้าไปที่ร่างกายของเย่ฟู่เทียน. เปลวไฟเผาไหม้รอบๆ ภายในตัว และแขนขาของเขาเต็มไปทั่วร่างกาย.

    หยู๋เซิงเฝ้ามองเย่ฟู่เทียนที่มีไฟรอบตัวด้วยดวงตาของเขา แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความสุข  ในที่สุดมังกรที่หลับไหลได้ตื่นขึ้นมาแล้ว.

    เสียงเผาไหม้ที่ผิวของเย่ฟู่เทียนจากเปลวไฟสีแดงภายใต้ของดวงอาทิตย์ร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง.

    หลังจากผ่านไปสักพักผิวของเย่ฟู่เทียนก็ส่องประกายดุจดั่งคริสตัลแต่ก็ส่องสว่างเหมือนเปลวไฟ มังกรไฟปรากฏขึ้นในร่างกายของเขามันพุ่งเข้าใส่เส้นลมปราณของเขา ทําให้เกิดเสียงหึ่งๆ ดังกึกก้อง โชคดีที่ไม่มีใครอยู่บนยอดเขา มีเพียงหยู๋เซิงเท่านั้นที่ได้ยินเสียงที่ บ้าคลั่งนี้.

    การที่เส้นลมปราณทำการปรับแต่งร่างกายเปิดขึ้นนั้นช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก. ใกล้ค่ำแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังตกและร่างกายของเย่ฟู่เทียนถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ ร่างกายของเขาเหมือนพายุฝนที่โหมกระหน่ำ กระดูกของเขาส่งเสียง กึกๆ อย่างต่อเนื่อง. จนกระทั่งดวงอาทิตย์หายไป เย่ฟู่เทียนหยุดและค่อยๆ เปิดตาของเขาขึ้น มีเปลวไฟ ออกมาจากดวงตาของเขา.

    "สามขั้นในวันเดียว" หยู๋เซิงอ้าปากค้าง ด้วยความตกใจ เขาติดอยู่ในขั้นแรกเป็นเวลาสามปี และระเบิดพลังจากดวงอาทิตย์เพื่อเผาร่างกายของเขา และทะลวงผ่านเขตแดนหล่อหลอมร่างกายและชีพจรของเขา เขาก้าวเข้าสู่ขั้นที่สี่ของการปลุกพลัง "กระดูกเหล็กคงกระพัน"

    “นี่มันบ้าไปแล้ว” หยู๋เซิงพึมพัม มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนสำหรับคนธรรมดาที่จะทำการหลอม กระดูกเหล็กคงกระพันแบบนี้. เพื่อที่จะกลายเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เขาได้ทำสมาธิอย่างอิสระเพื่อเพ่งจิตของเขาไปที่ดวงอาทิตย์. และด้วยความช่วยเหลือบางอย่างจากแก่นชีวิตของเขาเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในครึ่งวัน.

    ในขณะนี้เขารู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยม  เขายืนขึ้นและเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านบนภูเขา.  ด้วยกำปั้นอันรวดเร็วจากนั้นก็มีเสียงดัง กระหึ่ม. ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ตรงหน้าเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ  ร่องรอยจากกำปั้นของเขาที่ต่อยลงบนต้นไม้ ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นสีดำ.

    “แม้ผู้ที่อยู่ในระดับห้า ก็ไม่สามารถรับหมัดของเจ้าได้” หยู๋เซิงอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นพลังหมัดของเย่ฟู่เทียน. ผู้ที่อยู่ในระดับห้า มีความแข็งแกร่งมากก็จริง แต่พลังหมัดของ เย่ฟู่เทียน นั้นรุนแรงกว่าคนทั่วไปในระดับห้ามหาศาล.


    โพสต์ล่าสุด